วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ความฝันในวัยเด็กของเราาาาา

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคนเราชื่อบัวนะคะ วันนี้จะมาบอกเล่าเกี่ยวกับความฝันในวัยเด็กพื่อนๆทุกคนก็คงต้องมีความฝันในวันเด็กของตัวเองกันใช่มั้ยหละคะ บางคนก็สามารถทำตามความฝันในวัยเด็กของตัวเองได้สำเร็จบางคนก็ฝันแล้วแต่มีการเปลี่ยนแปลงฝันไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับบัว บัวก็มีความฝันในวัยเด็กคือบัวอยากเป็นคนร้องนักดนตรีของโรงเรียนได้เล่นดนตรีแสดงงานโรงเรียนตามคุณพ่อ ด้วยความที่ว่าคุณพ่อของบัวชอบเล่นดนตรีคือคุณพ่อเล่นกีต้าร์แล้วก็มีวงดนตรีในโรงเรียนร่วมกับเพื่อนๆของคุณพ่อ ตอนเด็กๆบัวก็เลยคลุกคลีกับกีต้าร์โปร่งกีต้าร์ไฟฟ้าของพ่อตั้งแต่เด็กเลยค่ะ






มีความคลุกคลีตั้งแต่เด็กเลยจริงๆและตั้งแต่จำความได้บัวก็ชอบฟังเพลงมาตั้งแต่เด็กสมัยมั้ยก่อนร้องเพลงที่ฮิตๆได้หมดทุกเลยเลยค่ะ ชอบเปิดรายการเพลงของช่องต่างๆฟังสมัยก่อนชอบมาก กามิกาเซ่
เป็นค่ายโปรดมากเพลงไหนร้องได้หมดมีการเปลี่ยนแปลงของค่ายยังไงบ้างรู้หมดคือชอบแบบชอบมากเวลาไปร้องคาราโอเกะก็ยังร้องเพลงเก่าๆอยู่ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ฟังเพลงเรื่อยๆยังไม่เลิกฟังเลยค่ะโดยเฉพาะเพลงKPOPชอบมากกโดยเฉพาะ JYPวงไหนในค่ายนี้ร้องเพลงอะไรร้องได้หมดชอบมากถึงมากที่สุดเลยค่ะอันนี้ก็จะเป็นสาเหตุว่าทำไมบัวถึงอยากเป็นนักร้องนะคะ

และบัวได้มาเริ่มเล่นเครื่องดนตรีครั้งแรก คือตอนประถมศึกษาปีที่6 โดยบัวเริ่มเล่นอูคูเลเล่เป็นครั้งแรกเป็นเครื่องสายที่ดูเล่นง่ายที่สุดแล้วคุณปู่เป็นคนซื้อให้ในครั้งนั้นและด้วยความที่บัวเป็นคนเบื่ออะไรง่ายๆ การเล่นอูคูเลเล่ในครั้งนั้นก็ซื้อมาเล่นแปบเดียวแล้วก็เลิกเล่นมันไปจนขึ้นมัธยมต้นสักประมาณมอ1มอ2บัว ก็เริ่มมีความอยากเล่นกีต้าร์ซึ่งในตอนแรกคุณพ่อยังไม่อยากให้เล่นเขาคงเห็นในความเบื่อง่ายของบัว จนขึ้นมอ3บัวขอคุณพ่ออีกครั้งและในครั้งนี้ก็ขอได้สำเร็จบัวได้เล่นกีต้าร์ของคุณพ่อคือตัวที่อยู่ในรูปด้านบนนะคะเพื่อนๆ กีต้าร์โปร่งอันนั้นบัวก็ได้เพื่อนฟาร์มาสอนให้ในตอนแรกเพราะบัวไม่รู้จะเริ่มเล่นดนตรียังไงดีฟาร์สอนบัวจนคิดว่าตัวเองโอเคในระดับหนึ่งจนบัวเก็บเงินซื้อกีต้าร์เองเก็บจนได้ซื้อกีต้าร์ใหม่สมใจถ้าจำไม่ผิดราคาน่าจะประมาณ3พันกว่าๆค่ะ พอซื้อกีต้าร์ด้วยเงินของตัวเองความเบื่อง่ายก็หายไปเลยค่ะเพระกว่าจะเก็บเงินมากได้และกว่าจะได้ซื้อกีต้าร์นั้นมันยากลำบากจริงๆค่ะ




อันนี้เป็นกีต้าร์ที่บัวเก็บเงินซื้อเองค่ะ


จนบัวบอกกับตัวเองว่าถ้าเล่นกีต้าร์โปร่งได้ดีในระดับหนึ่งแล้วจะเริ่มฝึกกีต้าร์ไฟฟ้าจนคิดว่าตัวเองเล่นกีต้าร์โปร่งได้ดีในระดับหนึ่งบัวก็เลยขอคุณพ่อเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าซึ่งก็เป็นตัวบนรูปแรกกีต้าร์ไฟฟ้าสีฟ้านะคะเพื่อนๆ รู้สึกมีความสืบทอดเครื่องดนตรี5555 บัวก็ได้มีโอกาสเรียนชุมนุมที่โรงเรียนเป็นชุมนุมดนตรีสตริง บัวก็สมัครเข้าชุมนุมเพราะชอบเล่นดนตรีและได้มีโอกาสรวมวงกับเพื่อนๆในชุมนุมและได้ซ้อมร่วมกันเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากค่ะบัวไม่เคยได้มีโอกาสซ้อมกับเพื่อนๆเป็นวงขนาดนี้เราก็ซ้อมไปเรื่อยๆเป็นปกติจนคุณครูเจ้าของชุมนุมมาบอกว่าอยากเล่นงานโรงเรียนมั้ยซึ่งเป็นโอกาสดีมากที่บัวจะได้มีโอกาสทำตามความฝันของตัวเอง จนในที่สุดบัวก็ได้เล่นดนตรีในงานโรงเรียน





นี่ก็เป็นครั้งแรกที่บัวได้เล่นดนตรีแสดงงานโรงเรียนและได้ทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ วันจริงตอนก่อนขึ้นแสดงบัวตื่นเต้นมากค่ะเครียดมากกลัวจะเล่นผิดมากๆและก็กังวลในหลายๆเรื่อง พอขึ้นเวทีไปเล่นจริงๆแล้วก็รู้สึกว่าคนด้านล่างเยอะมากเสียงกรี๊ดเสียงร้องเพลงตามเพลงที่เราเล่นเป็นอะไรที่ชื่นหัวใจมากค่ะมันดีมากดีเกินคาดเลยค่ะเพราะพวกเราทั้งหมดขึ้นไปแสดงเป็นครั้งแรกบัวปลื้มใจสุดๆไปเลยค่ะเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกมันเป็นแบบนี้นี่เองแต่บัวก็แอบเล่นผิดไปบ้างเพราะความตื่นเต้นบัวสัญญาว่าครั้งหน้าจะเล่นให้ดีกว่าเดิม



วงแหวน

ชื่อวงของบัวก็คือวงแหวงเราก็กันอยู่6คน มือคีย์บอร์ดชื่อ แพม มือกีต้าร์มี2คนชื่อ บัวกับเจอาร์ นักร้องนำชื่อ ต้น มือเบสชื่อ ฟาร์ มือกลองชื่อ บิว ค่ะ พวกเรา6คนอยู่กันต่างห้องยกเว้นฟาร์ ฟาร์อยู่ห้องเดียวกับบัวพวกเราในตอนแรกก็ยังไม่ค่อยสนิทกันมากแต่บัวก็อยากจะขอบคุณทุกคนในวงที่ทำให้บัวทำตามความฝันในวัยเด็กของตัวเองได้ถ้าไม่มีทุกคนก็คงไม่มี วงแหวนในวันนี้



สุดท้ายนี้นะคะบัวก็อยากจะบอกกับทุกคนว่าเรามีความฝันได้แต่จะทำตามฝันนั้นสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองบัวเป็นคนที่ทำตามความฝันสำเร็จคือการได้เล่นขึ้นเล่นดนตรีบนเวทีโรงเรียนบัวอยากจะบอกว่ามันรู้สึกดีมากๆเลยนะคะบัวก็อยากให้เพื่อนๆทำตามความฝันของตัวเองให้สำเร็จให้ได้อย่าพึ่งท้อถอยสู้ๆนะคะไม่มีอะไรที่จะเป็นอุปสรรค์ถ้าเราอยากที่จะทำความฝันนั้นให้สำเร็จจริงๆดังที่ตั้งไว้


ไปแล้วนะคะบายๆ



















สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคนวันนี้บัวจะมาเขียนบทวิจารณ์ของนักเขียนบทความท่านอื่นนะคะ
บัวจะบอกแค่นามของผู้แต่งกับลิ้งค์เว็บบล็อคนะคะเผื่อเพื่อนๆคนไหนสมใจอยากที่จะเข้าไปอ่านกันนะคะ

บทวิจารณ์

เป็นบทความของคุณณัชชา

บทความของนักเขียนบทความท่านนี้เป็นการพาไปให้รู้จักสถานที่วังน้ำเขียวค่ะ

ก่อนอื่นนะคะบทความของท่านนี้มีเนื้อหาที่น่าอ่านมากเลยค่ะและด้วยความที่เขาใช้ภาษาไทยดูไม่เป็นทางการจนเกินไปอ่านแล้วไม่เครียดหรือว่าเบื่อที่จะอ่านบทความของเขาเลยค่ะและก็มีเนื้อหาที่ครบถ้วนทำให้ดราไม่ต้องไปหาเพิ่มเราสามารถจบในบทความของเขาได้เลย ส่วนรูปภาพอันนี้ขอชมเลยค่ะเป็นรูปที่ถ่ายจริงแล้วทำให้เรารู้ว่าบรรยากาศจริงๆนั้นเป็นยังไงบ้าง ส่วนที่ต้องปรับปรุงก็คือเนือหาที่เยอะเกินไปอ่านไปอ่านมาเาไม่ออกเลยว่าจะจบตอนไปนและบทความจะจบยังไงและรูปที่เยอะเกินความจำเป็นแต่โดยรวมแล้วก็โอเคนะคะ

http://teawdeemeesuke.blogspot.com/2018/07/blog-post.html





บทวิจารณ์

เป็นบทความของคุณฐานิสา

บทความของนักเขียนบทความท่านนี้เป็นการพาไปให้รู้จักสถานที่เจดีย์ภูเขาทองนะคะ

โดยรวมแล้วถือว่าบทความของนักเขียนท่านนี้ดีมากๆเลยค่ะเป็นการพารีวิวรอบๆเจดีย์เลยค่ะมีการบอกวิธีในการเดินทางไปด้วยวิธียังไงบ้างให้ดูสถานที่รอบๆรูปภาพสวยมากและเยอะมากค่ะดูรีวิวแล้วอยากกจะไปเลยจริงๆค่ะส่วนข้อติก็คือเนื้อหาสั้นไปมากในระดับนึงเลยค่ะ

http://blackwhitekt.blogspot.com/2018/07/blog-post_2.html





บทวิจารณ์

เป็นบทความของคุณลลิตา

บทความของนักเขียนบทความท่านนี้เป็นการพาไปให้รู้จักงานเกษตรแฟร์

บทความนี้เป็นบทความที่โดยรวมแล้วบัวชอบมากๆบทความหนึ่งเพราะว่าการตกแต่งหน้าเว็บบล็อคของเขาสวยงามมากและภาษาที่ใช้ก็โอเครมากๆค่ะรูปภาพโดยรวมก็ดีมากๆทำให้เราอยากไปงานเกษตรแฟร์ขณะที่อ่านเลยค่ะ แต่ว่าเนื้อหาสั้นไปแล้วก็รีวิวร้านน้อยไปนิดนึงค่ะงานเกษตรแฟร์ใหญ่ควรรีวิวให้เยอะกว่านี้นิดนึง ว่าเราไปงานเกษตรแฟร์แล้วอะไรที่เราไม่ควรพลาดเราควรจะลองอะไรถ้าเราไปแล้ว

http://minklcmnk.blogspot.com/2018/07/61-1-29.html



ก็จบไปแล้วนะคะสำหรับบทวิจารณ์ของบัวเป็นยังไงกันบ้างคะผิดพลาดตรงไหนบัวต้องของอภัยด้วยนะคะ







คณะในฝันของเรา

ก่อนอื่นฉันขอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นนะคะฉันชื่อบัวค่ะ สำหรับวันนี้บัวจะมาพูดเกี่ยวกับคณะในฝันและมหาวิทยาลัยในฝันของบัวนะคะเผื่อเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนไหนจะเอาไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกคณะหรือเลือกมหาวิทยาลัย ก่อนอื่นนะคะบัวอยากจะบอกว่าบัวอยากประกอบอาชีพในอนาคตเป็นหมอฟันค่ะ ดังนั้นคณะที่บัวอยากที่จะเรียนต่อคือ คณะทันตแพทยศาสตร์มหาวิทยาลันเรศวร
บัวจะพามาดูสาขาในการเรียนคณะทันตแพทยศาสตร์มหาวิทยาลันเรศวรกันนะคะว่าเขามีเรียนกันกี่สาขาและสาขาอะไรบ้าง

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร แบ่งส่วนราชการในการเรียนการสอน โดยประกอบไปด้วย 5 ภาควิชา ดังต่อไปนี้
1.ภาควิชาทันตกรรมบูรณะ
2.ภาควิชาทันตกรรมป้องกัน
3.ภาควิชาทันตกรรมวินิจฉัย
4.ภาควิชาศัลยศาสตร์ช่องปาก
5.ภาควิชาชีววิทยาช่องปาก

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจเลือกเรียนสาขาวิชาของแต่ละคนว่าอยากเรียนสาขาอะไรเพื่อนำไปต่อยอดในอนาคตได้และไปเรียนต่อในสาขาวิชาที่เราเรียนทำให้เราเป็นหมอฟันสาขาเฉพาะทาง

จริงๆที่บัวเลือกเรียนคณะทันตแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลันเรศวรก็เพราะว่ามหาวิทยาลันเรศวรอยู่จังหวัดพิษณุโลกอยู่โซนภาคเหนือส่วนตัวเป็นคนชอบภาคเหนืออยู่แล้วเพราะว่าภาคเหนือมีอากาศที่ดีอากาศเย็นสบายและในมหาลัยมีความร่มรื่นมีความสวยงามเป็นความแปลกใหม่ที่บัวอยากสัมผัสมหาลัยมีความไกลจากบ้านของบัวเป็นอย่างมากดังนั้นก็จะทำให้บัวได้อยู่คนเดียวรับผิดชอบตัวเองดูแลตัวเองคนเดียวในมหาลัย การได้อยู่หอการได้ใช้ชีวิตที่อิสระกว่าตอนอยู่มัธยมการเริ่มต้นใหม่ๆในต่างถิ่น






ขอบคุณรูปจากอินเตอร์เน็ต




ส่วนคณะที่บัวสนใจอยากจะเรียนก็คือ คณะทันตแพทยศาสตร์ก็เพราะว่าสมัยยังเด็กบัวได้คลุกคลีอยู่กับคลีนิคหมอฟันบ่อยมากๆถึงมากที่สุดค่ะเวลาฟันน้ำนมโย้กบัวไม่เคยดึงให้มันหลุดเองเลยต้องไปหาหมอฟันแถวบ้านตลอด จนโตขึ้นมาบัวก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องมือของหมอฟันและก็ได้มีโอกาสจัดฟันยิ่งทำให้บัวได้เข้าใกล้หมอฟันได้รู้ขั้นตอนในการจัดฟันการถอนฟันต่างๆและได้ดูคลิปตัวอย่างเกี่ยวกับการเรียนคณะทันตแพทย์ซึ่งเป็นการเรียนที่โหดมากและดูเหนื่อยมากแต่บัวก็จะสู้นะคะทุกคนและบัวก็ได้ไปเข้าค่ายเกี่ยวกับคณะทันตแพทย์ได้ลองใช้อุปกรณ์ของหมอฟันจริงๆได้ขึ้นรูปแบบฟันของจริง และได้ไปดูเปิดบ้านที่มหาลัยต่างๆมาก็ได้รับความรู้ต่างๆมากมายอย่างเต็มที่ซึ่งเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจว่ามหาลัยที่ไหนมีสาขาอะไรให้ได้เรียนกันบ้างและบรรยากาศของแต่มหาลัยเป็นยังไง




ขอบคุณรูปจากอินเตอร์เน็ต



สุดท้ายนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตั้งใจอ่านหนังสือตั้งใจเรียนเพื่อที่จะนำไปสอบเข้าซึ่งก็ไม่ได้สอบเข้ากันง่ายๆนะคะดังนั้นเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนไหนที่สนใจอยากที่จะเข้าศึกษาต่อในคณะทันตแพทย์ก็ควรเริ่มอ่านหนังสือสะสมได้ตั้งแต่วันนี้เพื่อนอนาคตที่สดใส5555กันได้แล้วนะคะและก็อยากจะฝากไว้ว่าเลือกในสิ่งที่เราชอบการเรียนของเราจะได้มีความสุขส่วนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนไหนที่ยังไม่รู้ว่าจะเรียนต่อในคณะอะไรดี ก็สู้ๆนะคะขอให้หาในสิ่งที่ชอบสิ่งที่ถนัดในเร็วๆนี้นะคะ

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

     รีวิว เที่ยวเกาะเกร็ดใน1วันในแบบฉบับของพวกเราเด็กมอห้า




สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคนวันนี้บัวจะมารีวิวการเที่ยวเกาะเกร็ดใน1วันสำหรับเพื่อนๆที่ไม่ค่อยมีเวลาในการท่องเที่ยวมากเท่าไหร่จริงๆแล้วเกาะเกร็ดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ไม่ได้มีพื้นที่เยอะเหมาะแก่การมาเที่ยวในเวลาสั้นๆ แต่เราจำเป็นต้องนั่งเรือข้ามฝั่ง ถ้าเพื่อนๆคนไหนว่ายน้ำไม่เป็นก็ต้องระวังตัวกันด้วยนะคะ การข้ามฝั่งใช้เวลาไม่นานก็ถึงฝั่งแล้วค่ะ วันนี้บัวจะพาไปดูวัดวาอารม ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก การทำเครื่องปั่นดินเผา ต่างๆนาๆ การไปเกาะเกร็ดครั้งนี้ของบัว บัวได้ไปกับเพื่อน4คน งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าในเกาะเกร็ดมีอะไรบ้าง ไปกันนนนนน



เริ่มแรกนะค่ะพวกเราเดินทางไปยังเกาะเกร็ด โดยพวกเรานั่งรถเมล์สาย 356 เข้าถนนแจ้งวัฒนะ จุดสังเกตุตอนลงรถเมล์คือ เราจะลงตรงเทสโก้โลตัสที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมของถนนจากนั้นเราก็เดินเข้าซอยต่อไป และไปต่อเรือข้ามฝั่งที่วัดสนามเสือเหนือ ไปยังฝั่งของเกาะเกร็ด
อัตราค่าโดยสาร
รถเมล์สาย 356 ราคา 9 บาท
นั่งเรือข้ามฝั่ง ราคา 2 บาท


ศาลาท่าเรือวัดเสือเหนือ


  พอพวกเราข้ามฝั่งมาแล้วมาถึงเกาะเกร็ดกันแล้วเราก็เริ่มจากการไหว้พระกันก่อนในครั้งนี้เราไปทั้งหมด3วัด



วัดแรกนี้เป็นวัดแรกที่เราไปกัน วัดนี้ขึ้นมาจากท่าเรือก็เจอเลยนะคะ




นี่เป็นวัดที่สองที่พวกเราไปกัน เดินมาเรื่อยๆแล้วเราก็จะเจอวันนี้



และนี่เป็นวัดสุดท้ายที่พวกเราไปกันค่ะ

หลังจากที่พวกเราไปไหว้พระกันเรียบร้อยแล้วพวกเราก็เดินเล่นหามุมถ่ายรูปกันสักพัก (หรือเราจะเลือกที่จะเช่าจักยานมาปั่นแทนการเดินก็ได้นะคะ)






พอพวกเราเดินไปได้สักพักพวกเราก็เริ่มหิวกันเราก็เลยเดินหาร้านอาหารทาน ร้านอาหารที่เกาะเกร็ดจะค่อนข้างเต็มเร็วนะคะไม่ค่อยมีที่นั่ง คนเยอะ พวกเราก็เดินหาร้านกันไปเรื่อยๆ จนพวกเรามาเจอร้านขายก๋วยเตี๋ยวริมน้ำ  ร้านนี้บรรยากาศดีมากๆเลยนะคะเพราะติดริมน้ำอากาศถ่ายเทมีเรือต่างๆผ่าน ร้านนี้ก็จะมีก๋วยเตี๋ยวหมูก๋วยเตี๋ยวเนื้อให้เลือกสรรมากมายและก็มีก๋วยเตี๋ยวใส่ไข่ด้วยนะคะเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่








หลังจากที่พวกเราได้รับประทานอาหารกันเสร็จแล้วพวกเราก็ไปปั้นเครื่องปั้นดินเผากันเพราะที่เกาะเกร็ดมีชุมชนเครื่องปั้นดินเผาพวกเราก็เลยไปลองปั้นกันดูที่ชุมชนมีเครื่องปั้นดินเผามากมายเลยนะคะมีทำเพื่อส่งไปขายด้วยค่ะวิธีการทำเครื่องปั้นดินเผาก็ไม่ยากนะคะแต่มือต้องนิ่งปั้นก็ใช้เวลาไม่นานค่ะแล้วเขาก็จะเป่าแห้งให้เราแทนการเผานะคะเพราะการเผาจะต้องใช้เวลา



 






เสร็จจากการทำเครื่องปั้นดินเผาเสร็จแล้วเราก็เดินหาของฝากกันที่นี่ก็จะมีของหลากหลายให้เลือกแต่ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ร้านขนมไทย และเป็นขนมที่พวกเราไม่คุ้นเคยกันมีของประดับมากมาย และก็มีอยู่ร้านหนึ่งที่ต้องจับตามองเลยคือร้านถ่ายรูปด้วยแต่เขาใช้กล้องสมัยโบราณถ่ายค่ะเป็นอะไรที่ดูย้อนยุคมากค่ะ




ร้านที่พวกเราไปเลือกซื้อของประดับกันค่ะร้านนี้ขายของที่สวยงามมากค่ะมีกำไลหินสวยๆทั้งนั้นเลย



อันนี้เป็นขนมไทยที่บัวชอบมากเลยค่ะลูกชุบนั้นเองอร่อยจนต้องบอกต่อค่ะ



อันนี้ก็เป็นไอศกรีมแท่งที่พวกเราก็ซื้อรับประทานนับร้อนกันไป


หลังจากที่เราเดินเลือกซื้อของฝากกันมาได้สักพักแล้วละนี่ก็คือของฝากของพวกเราที่ซื้อมาทั้งหมดค่ะก่อนที่จะออกจากเกาะเกร็ดค่ะ พวกเราก็ถ่ายรูปกันอีกนิดๆหน่อยๆไว้เป็นความทรงจำแล้วค่อยนั่งเรือข้ามฝั่งกลับค่ะ




สุดท้ายนี้บัวก็ขอแนะนำแลนด์มาร์กของเกาะเกร็ดที่ทุกคนไปแล้วต้องถ่ายรูปไม่งั้นไปไม่ถึงนะคะ





เรานั่งเรือข้ามฝั่งมาเราก็จะเห็นเจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่ โดยลักษณะเด่นของเจดีย์องค์นี้คือมีลักษณะเอียงเอนเพราะว่าเจดีย์องค์นี้อยู่ใกล้ริมน้ำ



และนี่คือภาพบรรยากาศที่พวกราได้ถ่ายเก็บมาฝากกันค่ะ









เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับรีวิวไปเที่ยวเกาะเกร็ดใน1วันแบบฉบับเด็กมอห้าของบัว บัวก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นรีวิวที่เป็นประโยชน์และชี้แนะแนวทางให้แก่บุคคลที่อยากจะไปเที่ยวโดยใช้เวลาเที่ยวสั้นๆใน1วันนะคะ อย่าลืมไปเที่ยวเกาะเกร็ดกันเยอะๆนะเที่ยวให้สนุกนะคะ...